สอบถามเพิ่มเติม CLICK HERE

fas fa-handshake

นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
สำหรับคู่ค้าทางธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง 

1. ขอบเขตและวัตถุประสงค์
                  ประกาศสหกรณ์ออมทรัพย์ครูชลบุรี จำกัด เรื่อง นโยบายข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับคู่ค้าทางธุรกิจและผู้เกี่ยวข้องฉบับนี้  จัดทำขึ้นโดยเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของคู่ค้าทางธุรกิจซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา กรรมการหรือผู้แทนของคู่ค้าทางธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงผู้ปฏิบัติงานและพนักงานของคู่ค้าทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทุกคนที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจจะได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สหกรณ์ฯจึงได้จัดทำนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย  รวมตลอดถึงการลบและทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พุทธศักราช 2562 (PDPA) กฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกำหน

2. ความหมาย

                  “สหกรณ์ฯ” หมายถึง   สหกรณ์ออมทรัพย์ครูชลบุรี  จำกัด

                  “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง   บุคคลธรรมดา กรรมการหรือผู้แทนของคู่ค้าทางธุรกิจที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงผู้ปฏิบัติงานและพนักงานของคู่ค้าทางธุรกิจกับสหกรณ์

                  “ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว (Sensitive Data)” หมายถึง   ข้อมูลส่วนบุคคลที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้เป็นการเฉพาะ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ซึ่งสหกรณ์ฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อเมื่อสหกรณ์ฯ ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีที่สหกรณ์ฯ มีความจำเป็นตามที่กฎหมายอนุญาตไว้เท่านั้น

                  “การประมวลผลข้อมูล” หมายถึง   การดำเนินการใด ๆ ของสหกรณ์ฯ ต่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลและการลบข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

 3. ข้อมูลที่จัดเก็บ
                  
สหกรณ์ฯ  จะจัดผู้เก็บและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียดข้อมูลด้านล่างนี้ ทั้งนี้หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว อาจส่งผลกระทบให้สหกรณ์ฯ ไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา  และ/หรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายอื่นใดที่เกี่ยวข้องได้ ดังนี้
                  
-  ชื่อ-สกุล  วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้
                  
-  สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน  เช่น เลขบัตรประจำตัวประชาชน  วันหมดอายุ  เป็นต้น
                  - สำเนาทะเบียนบ้าน และข้อมูลในสำเนาทะเบียนบ้าน ช่องทางติดต่อ  เช่น หมายเลขโทรศัพท์  อีเมลล์ เป็นต้น
                  - ข้อมูลการจดทะเบียนนิติบุคคล  ใบแจ้งภาษีมูลค่าเพิ่ม  สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร
                  ทั้งนี้ สหกรณ์ฯ อาจจัดให้มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปแบบเอกสาร หรือในรูปแบบดิจิตอล เช่น ไฟล์เอกสารในระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
                  
โดยทั่วไปแล้วสหกรณ์ฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง เช่น ข้อมูลจากหนังสือรับรองบริษัท หนังสือมอบอำนาจ นามบัตร เป็นต้น แต่ในบางกรณีสหกรณ์ฯ อาจได้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมาจากแหล่งอื่น ซึ่งสหกรณ์ฯ จะดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ข้อมูลส่วนบุคคลที่สหกรณ์ฯ เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่น อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้
                  
4.1  ข้อมูลที่สหกรณ์ฯ ได้รับจาก บุคคล หรือหน่วยงาน อื่นใดที่สหกรณ์มีนิติสัมพันธ์ด้วย
                  
4.2  ข้อมูลที่สหกรณ์ฯ ได้รับจากบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง เช่น พนักงานหรือลูกจ้างของนิติบุคคลที่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจของสหกรณ์ เป็นต้น
                  
4.3  ข้อมูลที่สหกรณ์ฯ ได้รับจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลสหกรณ์ฯ สถาบันการเงิน บริษัทข้อมูลเครดิต และ/หรือ ผู้ให้บริการภายนอก (เช่น ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม ข้อมูลเครดิต)
                  
4.4  ข้อมูลที่สหกรณ์ฯ ได้รับจากบริษัทประกัน และ/หรือ บุคคลอื่นใด ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกรมธรรม์ประกันภัยหรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
                  
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่สหกรณ์ฯ ในการทำธุรกรรมกับสหกรณ์ฯ หรือในกรณีอื่นใด สหกรณ์ฯ จะขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวนั้นก่อนหรือขณะให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นแก่สหกรณ์ฯ รวมทั้งมีหน้าที่ต้องแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิตามประกาศนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ด้วย

 
5. การรักษาความปลอดภัย
                  
สหกรณ์ฯ มีการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลภายในสหกรณ์ฯ และมีการบังคับให้บุคลากรของสหกรณ์ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวด เพื่อให้การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคนมีความปลอดภัยสูงสุด อันได้แก่

  • การใช้กุญแจปิดล๊อคตู้หรือห้องจัดเก็บเอกสาร
  • การใช้ชื่อและรหัสเพื่อเข้าสู่ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์

                  ซึ่งมาตรการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวข้างต้นนี้ สหกรณ์ฯ ได้กำหนดให้ผู้จัดการหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากคณะกรรมการดำเนินงานซึ่งเป็นบุคลากรของสหกรณ์ฯ ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ควบคุมดูแลและปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม รวมถึงจะต้องจัดให้มีการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และมีมาตรการที่เหมาะสมในการใช้ การส่งต่อ หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่หน่วยงาน หรือองค์กรอื่น

6. ผู้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
                  
ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศฉบับนี้ อาจมีการนำไปใช้งานของสหกรณ์ฯ ในส่วนงานของ
                  
6.1  งานประกันชีวิตกลุ่ม โดยคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อคัดเลือกคู่ค้าทางธุรกิจที่จะเข้าทำสัญญากับสหกรณ์
                  
6.2  ประกอบการคัดเลือกคู่ค้าทางธุรกิจที่จะทำสัญญากับสหกรณ์
                  
6.3  ประกอบการทำสัญญากับสหกรณ์  เช่น สัญญาซื้อขาย   สัญญาจ้าง  เป็นต้น
                  
6.4  การลงรายการบันทึกบัญชี
                  
6.5  เป็นหลักฐานประกอบการลงรายการบันทึกบัญชี
                  
6.6  การเบิกจ่ายเงินตามสัญญา
                  
6.7  การออกใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 
                  
6.8  นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการในการพิจารณา
                  
6.9  จัดทำข้อมูลเพื่อยื่นภาษีต่อกรมสรรพากร


7. วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
                  
7.1 สหกรณ์ฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ และประโยชน์ในการ
                  
-    คัดเลือกคู่ค้าทางธุรกิจที่จะเข้าทำสัญญากับสหกรณ์
                  
-    ประกอบการทำสัญญาเช่น สัญญาซื้อขาย   สัญญาจ้าง  เป็นต้น กับสหกรณ์ ฯ
                  
-    ประกอบการค้ำประกันสัญญา เช่น สัญญาซื้อขาย  สัญญาจ้าง  เป็นต้น ตามหลักเกณฑ์ของสหกรณ์ฯ
                  
-    จัดเก็บเป็นข้อมูลสำหรับการเบิกจ่ายเงินตามสัญญา เช่น สัญญาซื้อขาย   สัญญาจ้าง   เป็นต้น
                  
-    ประกอบการค้ำประกันสัญญาเงินกู้ ตามหลักเกณฑ์ของสหกรณ์ฯ
                  
-    จัดเก็บเป็นข้อมูลสำหรับการเบิกจ่ายเงินตามสัญญาเงินกู้
                  
-    ประกอบการทำสัญญากู้เงินกับสหกรณ์ฯ
                  
-    ประกอบการพิจารณาและเป็นหลักฐานทางการเงิน


8. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
                  
สหกรณ์ฯ จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการดำเนินการทั้งหลายตามวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ฯ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมตามวัตถุประสงค์ตามที่แจ้งไว้ในข้อที่ 7. ซึ่งสหกรณ์ฯ จะทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยใช้ฐานในการประมวลผลข้อมูล โดยอาจจะอาศัยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งหรือหลายเหตุผล ประกอบกันก็ได้ ดังต่อไปนี้
                  
8.1  ประมวลผลตามฐานของสัญญา เพื่อให้สหกรณ์ฯ สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายอันมีขึ้นระหว่างสหกรณ์ฯ กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่สหกรณ์ฯ กำหนด โดยดำเนินการอื่นใดเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการตามสัญญา ซึ่งสหกรณ์ฯ อาจทำการประมวลผลเอง/หรือประมวลผลร่วมกับบุคคลภายนอก
                  
8.2   ประมวลผลตามฐานประโยชน์อันชอบธรรม เพื่อให้สหกรณ์ฯ สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ทางกฎหมายกับคู่ค้าทางธุรกิจกับสหกรณ์ ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นบุคลากรของคู่ค้าทางธุรกิจดังกล่าว
                  
8.3   ประมวลผลตามฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย สหกรณ์ฯ อาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปประมวลผลเพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาหรือนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย ส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น กรมสรรพากร ตามประมวลรัษฎากร หรือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น
                  
8.4   ประมวลผลตามความยินยอม สหกรณ์ฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่เข้ากรณีหนึ่งกรณีใดข้างต้น ซึ่งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีนี้ สหกรณ์จะดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้ได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ไว้เท่านั้นในกรณีที่สหกรณ์ฯจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลด้วยวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์เดิม สหกรณ์ฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลใหม่เพื่อการใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ใหม่นั้น
                  
หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความประสงค์จะถอนความยินยอมในการประมวลผลดังกล่าว สามารถติดต่อ และแจ้งความประสงค์ต่อสหกรณ์ได้ อนึ่ง การถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ในการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการบริการของสหกรณ์ฯ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

 

9. การส่งต่อหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
                  
สหกรณ์ฯ อาจส่งต่อข้อมูล หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคลากรภายในสหกรณ์ ฯ   ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในฝ่ายต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้อง  เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการทำงานเป็นไปอย่างถูกต้อง และอาจมีการส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอกเท่าที่จำเป็น เพื่อการประมวลผลข้อมูลในหน้าที่ความรับผิดชอบตามสัญญาหรือตามกฎหมาย หรือตามที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยสหกรณ์ฯ อาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้จัดการ ไปยังบุคคลภายนอก ดังต่อไปนี้
                  
9.1  หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานของรัฐบาลหน่วยงานภายนอกเพื่อดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน เช่น การจัดทำเงินเดือนหรือการยื่นภาษี การประกันสังคม การประกันชีวิต-สุขภาพ โดยส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าว ให้แก่กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มีข้อตกลงดำเนินการร่วมกัน เป็นต้น
                  
9.2   เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามสัญญาหรือตามกฎหมายของสหกรณ์ฯ หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย


10. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
                  
10.1  ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้สหกรณ์ฯ จัดเก็บไว้นั้น สหกรณ์ฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามประเภทข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท เว้นแต่กฎหมายจะอนุญาตให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน เราจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)
                  
10.2   กรณีข้อมูลของคู่ค้าทางธุรกิจรายใดที่ไม่ผ่านการคัดเลือก สหกรณ์ฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ประกาศผลการคัดเลือกคู่ค้าทางธุรกิจ


11. วิธีการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จัดเก็บไว้

                  เมื่อครบกำหนดการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้แล้ว สหกรณ์ฯ โดยผู้จัดการ หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการดำเนินงาน ซึ่งเป็นบุคลากรของสหกรณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ควบคุมดูแลและปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และจะจัดให้มีการทำลายซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล โดย
                  - ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเอกสาร สหกรณ์จะทำลายโดยใช้เครื่องย่อยเอกสาร (ใช้บริการบริษัทฯภายนอกฯ ที่รับทำลายเอกสารโดยเฉพาะ ซึ่งได้มาตรฐานการรักษาความปลอดภัย และการรักษาความลับของเอกสารที่รับไปเพื่อทำลาย)
                  - ข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในลักษณะไฟล์งาน โปรแกรมสำเร็จรูป หรือฐานข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์สหกรณ์ฯ จะทำลายข้อมูล โดยการล้างข้อมูลออกจากระบบการจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของสหกรณ์

 
12. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
                  
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  พ.ศ. 2562   มีดังนี้
                  
12.1   สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ โดยได้รับการแจ้งเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล วิธีการเก็บรวบรวม บุคคลที่จะได้รับข้อมูล เหตุผลและระยะเวลาที่จัดเก็บ (Right to be informed)
                  
12.2   สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสหกรณ์ฯ หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ไม่ได้ให้ความยินยอม (Right to access)
                  
12.3   สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากสหกรณ์ฯ โดยอัตโนมัติและขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นด้วยวิธีการอัตโนมัติ (Right to data portability)
                  
12.4   สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน (Right to object)
                  
12.5   สิทธิขอให้สหกรณ์ฯ ดำเนินการลบ หรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ (Right to erasure)
                  
12.6   สิทธิขอให้สหกรณ์ฯ ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ (Right to restriction of processing)
                  
12.7   สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง โดยขอให้สหกรณ์ฯ ดำเนินการแก้ไข/เพิ่มเติมให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด (Right to rectification)
                  
ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิที่จะยื่นคำขอใช้สิทธิร้องเรียนต่อสหกรณ์ฯ ได้  แต่ในบางกรณีสหกรณ์ฯ อาจปฏิเสธการใช้สิทธิตามเหตุผลที่จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่สหกรณ์ฯ ชี้แจง
                  
การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรตามแบบคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่สหกรณ์กำหนด และสหกรณ์ฯ จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการหรือชี้แจงภายใน 30 วัน หรือไม่เกินตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยสหกรณ์ฯ จะปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล  
                  
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลขอให้สหกรณ์ฯ ลบ ทำลาย กำจัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว   แปลงข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้   หรือการขอถอนความยินยอม อันอาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับสหกรณ์ฯ ในการดำเนินการตามสัญญาหรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งการใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นสหกรณ์ฯอาจขอสงวนสิทธิ์ไม่ปฏิบัติตามความประสงค์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรืออาจมีการคิดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นต่อการเข้าดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอ

 

 13. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

                  สหกรณ์ฯ มีสิทธิในการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ที่สหกรณ์ฯ ได้เก็บรวบรวมไว้ ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิม สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยให้ความยินยอมไว้แก่สหกรณ์ฯ เพื่อการเก็บรวบรวม และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น  หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ประสงค์ที่จะให้สหกรณ์ฯ เก็บรวมรวมข้อมูลและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไป ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถแจ้งความประสงค์ต่อสหกรณ์ฯ เพื่อขอถอนความยินยอมทั้งหมด หรือแต่เพียงบางส่วน เมื่อใดก็ได้


14. การเปลี่ยนแปลงประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
                  
สหกรณ์ฯ อาจมีการพิจารณาทบทวนประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้ โดยหากมีการเปลี่ยนแปลง  สหกรณ์ฯ จะมีการติดประกาศ หรือแจ้งให้ทราบบนเว็บไซต์ของสหกรณ์ฯ หรือตามช่องทางอื่นใดที่สหกรณ์ฯ จะได้พิจารณาแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบตามความเหมาะสมต่อไป


15. รายละเอียดการติดต่อสหกรณ์ฯ
                  
หากท่านต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่ระบุด้านบน หรือกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย ข้อคิดเห็น และ/หรือคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ โปรดติดต่อสหกรณ์ฯ ได้ที่

 

สหกรณ์ออมทรัพย์ครูชลบุรี  จำกัด

เลขที่  55/99  ม. 3   ต.เสม็ด  อ.เมือง    จ.ชลบุรี

หมายเลขโทรศัพท์   038-111092 -  096

อีเมล   chtsc.coop@hotmail.com

ระหว่างเวลา  08.30 น. – 16.30  น. วันอังคารถึงวันเสาร์ ยกเว้น วันหยุดทำการสหกรณ์

และวันหยุดตามประกาศสหกรณ์

ประกาศ  ณ วันที่  1  มิถุนายน  2565


 

Image
Image
Image
Image